หนังสืออนุสรณ์ ธรรมะหลวงปู่

[จัดให้เรื่องจากหนังสือ บูชาคุณหลวงปู่ ไว้ในกรอบสีเขียว ในกรอบสีแดง ปรับแต่งเพิ่มเติมเข้ามา เพื่อให้เห็น ไปในข้อมูลที่เกี่ยวข้องกัน]

เสียงธรรม หลวงปู่


เสียงธรรม
เรื่อง ผีนางตานี


ให้อ่านดู เปรียบกับในหนังสือ นั้น


สัมโมทนียกถา


หนังสือ บูชาคุณหลวงปู่
๔ สิงหาคม ๒๕๕๕

ฐานะอันเลิศมีอยู่ในมนุษย์ ฐานะอันเลิศเป็นทางดำเนินไป เพื่อความบริสุทธิของสัตว์ อธิบายว่า เราได้รับมรดกมาแล้วจากบิดามารดา กล่าวคือ ตัวของเรานี้แลอันได้กำเนิดเกิดมาเป็นมนุส . . ซึ่งเป็นชาติสูงสุดเป็นผู้เลิศ ตั้ง (ว่า ตัง) อยู่ในฐานะอันเลิศ ด้วยดี มีกายสมบัติ วาจาสมบัติ มะโนสมบัติ จะสร้างสมเอาสมบัติภายนอก กล่าวคือ ทรัพย์สินเงินทอง อย่างไรก็พอได้ จะสร้างสม เอาสม . . เอาสมบัต . . ภายในกล่าวคือ มรรคผลพระนิพพาน อย่างไรก็พอได้ จงสมกับคำว่ามนุส . . (ว่า ย์)

มนุษ . . เป็นผู้เลิศตั้งอยู่ในฐานะอันเลิศ ด้วยดี สามารถนำตนเข้าสู่ มรรคผล เข้าสู่พระนิพพาน อันบริสุท . . ได้

พระครูสันติวรญาณ

พระอ่ำ ธมฺมกาโม (เขียนลายมือ)

รูปภาพ [คาถาบารมีสิบทัศ อักขระขอม]

วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๕


๑. เรื่อง จิตไปไหน


ผู้เขียน :
ในตอนบ่ายของวันพระวันหนึ่งที่วัดสันติวรญาณ คณะศิษย์หลวงปู่ทั้งสงฆ์สามเณร ได้ช่วยกันสรงน้ำหลวงปู่ด้วยน้ำต้มสมุนไพร สรงน้ำให้หลวงปู่ด้วยความนอบน้อม เคารพบูชา ดูแล้วเป็นภาพ น่าชื่นใจ น่ารักมาก ยิ่งกว่าบุตรทำให้บิดาเสียอีก เมื่อมีโอกาสผู้เขียนได้เข้าไปกราบหลวงปู่  กราบเรียนถามหลวงปู่ว่า หลวงปู่ครับ “เวลานอนหลับจิตใจไปไหนครับ”

หลวงปู่ :
จิตท่องเที่ยวไป คือ ความฝัน  ความฝัน คือ จิตแท้ จิตไม่ตาย  ส่งส่ายออกไปตามความนึกคิดฝัน  ถ้าฝึกจิตดีแล้ว จิตสงบ จะไม่ฝัน

ความจาก หนังสือ นั้น


๒. เรื่อง ผีมีจริง


วันหนึ่งโยมได้กราบเรียนถามหลวงปู่เรื่องผีมีจริงหรือไม่

ผู้เขียน :
เกี่ยวกับเรื่องผี หลวงปู่มีนิทานเกี่ยวกับ เรื่องผี หลายเเรื่อง เช่น เรื่องโกเดียน ผีนางตานี ไม่ทราบว่าจริง ๆ แล้ว หลวงปู่เคยเห็นผีบ้างไหมครับ ?

หลวงปู่ :
ก็ปรากฏอยู่ แต่อาตมาบ่ได้สนใจ หลวงปู่ขาวเห็นบ่อย เห็นผีไกวแปลกล่อมลูก

ผู้เขียน :
ถ้าอย่างนั้น ไม่ต้องสงสัยแล้วว่าผีมีจริงหรือไม่

หลวงปู่ :
ไม่ต้องสงสัย

ความจาก หนังสือ นั้น


๓. เรื่อง ข้อวัตรที่เกาะหมาก


หลวงปู่เล่าว่า หลวงปู่ได้มาอยู่เกาะหมาก จังหวัดตราด เป็นเวลา ๗ เดือน มีสามเณรติดตาม ๑ ฆราวาส ๑ มีประชากร ๑๐๐ หลังคาเรือน เกาะหมากเป็นเกาะขนาดใหญ่อยู่ในอาณาเขตจังหวัดตราด ห่างจากฝั่งประมาณ ๓๘ กิโลเมตร ชุมชนดั้งเดิมบนเกาะหมากส่วนใหญ่เป็นเขมร เชื้อชาติไทย มีอาชีพหลักทำสวนยางพาราและสวนมะพร้าวชาวบ้านเป็นผู้มีอัธยาศัยดี ชาวบ้านจะตั้งเวลาให้ ถ้าไม่ถึง ๘ โมงเช้า อย่ามาบิณฑบาต เพราะชาวสวนออกไปกรีดยางพาราตั้งแต่ตี ๔ กว่าจะกลับบ้านหุงข้าวก็สาย ชาวบ้านตักบาตรเช้าด้วยข้าวสวย ไม่มีข้าวเหนียว หลวงปู่ฉันเช้าแล้วมีข้าวเหลือ จึงนำเศษข้าวมาเลี้ยงนกเอี้ยงซึ่งมีจำนวนมาก ชาวบ้านเห็นเสียดายข้าว จึงลดข้าวที่เคยตักบาตรลง จาก ๖ ทัพพี เหลือ ๓ ทัพพี จะได้ไม่ต้องเหลือข้าวมาเลี้ยงนกเอี้ยง แต่หลวงปู่ ก็ยังคงแบ่งข้าวไว้เลี้ยงนกเอี้ยงอยู่ดี

ความจาก หนังสือ นั้น


๔. เรื่อง พุทโธพาขึ้นสวรรค์


ผู้เขียน :
หลวงปู่สอนให้หมั่นภาวนาพุทโธ ให้ฟังเทปหลวงตามหาบัว ให้นั่งภาวนาไปด้วย หลวงตามหาบัวให้ภาวนาทุกเวลา แม้ขณะถ่ายอุจจาระให้ภาวนาพุทโธด้วย หลวงปู่เน้นลงไปอีกว่า ให้ภาวนาทุกเวลา แม้หุงข้าว ทำอาหาร ก็ให้ภาวนาพุทโธไปด้วยทุกอิริยาบถ พุทโธอยู่ในใจอย่าให้เผลอสติ อย่าประมาท อย่าขาดพุทโธ

อานิสงส์ของการภาวนาพุทโธสูงมาก หลวงปู่เล่าว่า “มีพระภิกษุบวชใหม่รูปหนึ่งมรณภาพด้วยโรคท้องร่วงอย่างกระทันหัน ท่านภาวนาพุทโธ พุทโธ แม้ขณะมรณภาพก็ภาวนาพุทโธอยู่ หลวงปู่มั่นตามดูจิตของพระภิกษุรูปนั้น ทราบว่าไปเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์”

ความจาก หนังสือ นั้น


๕. เรื่อง อยู่กับปัจจุบัน


ผู้เขียน :
หลวงปู่จะอยู่กับปัจจุบันตลอดเวลา น้อยครั้งมาก ที่จะได้ยินหลวงปู่เล่าเรื่องส่วนตัวในอดีตให้ฟัง จึงหาข้อมูลยากว่าปีไหน หากซักถาม ซักไซร้มาก ก็อาจจะโดนดุ เรื่องอนาคตก็เช่นกัน น้อยครั้งมากที่หลวงปู่จะพูดถึง

หลวงปู่ :
“กิเลส ในอดีต ให้ปล่อยไปในอดีต
กิเลส ในอนาคต ให้ปล่อยไปในอนาคต
กิเลส ในปัจจุบัน ให้ปล่อยไปในปัจจุบัน
จงละมั่นถือขันธ์”

ความจาก หนังสือ นั้น


เรื่องพิเศษ (๑) ผี นางตานี


พูดถึงเรื่องผีแล้ว มีหลายคน ต่างส่ายหน้า พากันไม่เชื่อว่า ผีมีในโลก เพราะเขาเหล่านั้นไม่เคยประสพ มากับตัวเอง ยิ่งคนในเมืองที่มีความเจริญ แห่งแสงสีจากวิทยาศาสตร์แล้ว ก็ยิ่งไม่เชื่อว่าผีมีจริง แต่ท่านเชื่อไหมครับว่า คนเชื่อกับคนไม่เชื่อ อย่างใดจะมีมากกว่ากัน คนเชื่อมีมากกว่า แน่นอนอยู่แล้ว ที่เขาไม่เชื่อนั้น ไม่ใช่เพราะผีไม่มีหรอก แต่เพราะเขายังไม่มีโอกาส ได้เห็นแก่ตา แก่ตัวเองเท่านั้นเอง เคยมีเรื่อง เคยมี เคยมีหลายคนไม่เชื่อ แต่พอได้เจอสักครั้ง คราวนี้ก็ยอมรับว่า ผีมีจริง อย่าว่าแต่คนไทยเลย ที่เชื่อเรื่องผีสางนางไม้ แม้แต่นักวิทยาศาสตร์ของฝรั่ง เขายังเชื่อเลย เพราะได้มีการพิสูจน์ทดลองมาแล้ว วิญญาณของคนเราเป็นพลังงาน ลูกหนึ่ง มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น นอกจากกลุ่มพลังนั้นจะมีอิทธิฤทธิ์พิเศษ แสดงออกให้เห็นได้ ได้ยินทางเสียง เป็นต้น อาตมา . . เอาล่ะ ที่. . ที่กล่าวมานี้ ไม่ใช่จะ . . ไม่ใช่ตั้งใจจะมาเขียน เรื่องการค้นคว้าทดลองวิญญาณอะไรหรอก แต่ เรามีเรื่องผี จะเล่าให้ฟัง สักเรื่อง เป็นเรื่องที่ได้รับการบอกเล่าจากญาติ ผมอีกที สุชาต . . (แล้วกระไอ กระแอม จากนั้น ว่า) สุชาตใจเย็น เป็นชายหนุ่มวัย ๒๔ ปี หลังจากเขาถนัด (ว่า สนัด) การศึกษา ที่วิทยาลัยครูแห่งหนึ่ง แต่สมัยนั้นเรียกกันว่า โรงเรียนฝึกหัดครู แล้วเขา ก็มาเดินทาง กลับบ้านเกิด เขาฝันหวานว่า เรียนจบ มีงานทำ แล้วจะไปสู่ขอนิตยา (ว่า นิดยา) ลูกสาวกำนัน ในหมู่บ้าน เผื่อเขาและนิตยารักกันมาก ผู้ใหญ่ก็เห็นด้วย แต่แล้วความฝันของสุชาตก็ทลาย เมื่อนิตยา . . เมื่อนิตยาเห็นว่าครูมีเงินเดือน ไม่พอใช้ เธอแปรพักตร์หันไปรักอาเสี่ยใหญ่ เจ้าของโรงเลื่อยซะแล้ว สุชาตเลยเสียใจแทบจะฆ่าตัวตาย แต่เขาไม่สิ้นความคิดขนาดนั้น เขาจึงตัดสินใจเนรเทศตัวเองไปอยู่ห่างไกล ไกลบ้าน . . บ้านเกิด ห่างไกลจากผู้หญิงปลิ้นปล้อนหาความจริงใจอะไรไม่ได้ บ้านเขาอยู่จังหวัดลำปาง เขาหนีไปอยู่จังหวัดศรีสะเกษ สุดเขตแดนอีกแห่งหนึ่ง เพราะเขามีเพื่อนที่นั่น สุชาตไปสมัครเป็นครูอยู่โรงเรียน บ้านนอก แสนกันดารแห่งหนึ่ง ที่เขาเลือกเช่นนั้น เพราะต้องการเงินเดือนเพิ่ม อีก เพราะได้เบี้ยกันดารด้วย . . (กระแอม) สุชาตไปอยู่ยังหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ชาวบ้านเป็นคนเขมร พูดไทยแทบไม่ชัด แต่เด็ก ๆ ต้องเข้าโรงเรียน ๆ ภาษาไทย สุชาตไปอาศัยอยู่บ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้านร้างมาเก่า ก่อน เป็นบ้านของกำนัน ลูกสาวกำนันตั้งใจจะแต่งงาน กำนันปลูกบ้านให้ แต่ลูกเขยในอนาคตมาประสบอุบัติเหตุรถคว่ำตายซะก่อน บ้านหลังนั้นจึงปิดตายไว้ พอสุชาตไปอยู่กำนันก็ยกให้ฟรี ๆ “เอาเลยครู ผมให้ครูอยู่ฟรี ๆ ไม่คิดค่าเช่าอะไร” ตอบ กำนัน บอกกับสุชาต ตอนแรกเขาไปอยู่คนเดียวก่อน เพื่อนของเขายัง . . เพื่อนของเขายังไม่ตามไป ยังพักอยู่ในเมือง และเช่ารถจักรยานยนต์ ขับไปทำงานที่โรงเรียน อยู่ห่าง . . ซึ่งอยู่ห่างอำเภออีก ๓๐ กิโลเมตร สุชาตพอ พอใจบ้านนั้นมาก เพราะมันเงียบสงบดี สุชาตตั้งใจจะใช้เวลาว่าง ยามเลิกจากการสอนเด็กนักเรียนมาเขียนหนังสือด้วย เขาตั้งใจจะหันมาเอาดีทางประพันธ์ด้วย เพราะใจเขาชอบทางนี้มานานแล้ว บ้านหลังนี้ตั้งอยู่กลางสวนกล้วย เป็นป่ากล้วยทั้งป่าอยู่ทางหลังบ้านของตัวบ้าน บ้านปลูกด้วยไม้ทั้งหลัง เพราะกำนันมีฐานะดีมาก ตอนไปอยู่วันแรกก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น จนกระทั่ง 6-7 วันผ่านไป คืนต่อมาที่ชายหนุ่มกำลังนั่งปล่อยอารมณ์อยู่บนระเบียงบ้าน ซึ่งเป็นเวลาค่อนข้างดึก เขามองนาฬิกาเวลา 5 ทุ่มเศษ แต่เขาไม่ง่วงนอนเลย ออกมานั่งรับลมเย็นๆ ตรงระเบียง เขาเพ่งสายตามองไปทางหน้าบ้าน ทันใดนั้นเอง สายตาของเขาก็ได้สัมผัสกับร่าง ของสตรีนางหนึ่ง กำลังเดินนวยนาด ตรงมายังบ้านของเขา แสงจันทร์สลัว ๆ ของข้างแรม ทำให้เห็นร่างนั้น ไม่ชัดเจนนัก แต่ก็พอเห็นได้ว่า รูปร่างของเธอสวยมาก ได้สัดส่วนอรชร (ว่า ออระซอน) กลมกลึงไปหมด เธอซ่อนร่างระหงนั่นอยู่ในชุดไทย แบบโบราณ คือ นุ่งโจงกระเบน มีผ้าสะไบพาดหน้าอก ผมยาวสลวยประบ่า ตรงซอกหูมีดอกไม้สีขาวดอกใหญ่ทัดมา “เอ่ะใคร ใครกันมาเดินอยู่ดึก ๆ” สุชาตครุ่นคิดอย่างแปลกใจ (กระแอม) เข้าไปอีก พบว่า เธอเดินตรงมายังบ้านของเขา เธอเดินขึ้นบันได มาแล้ว เขาจึงรีบไปต้อนรับ เพราะเข้าใจว่า คงเป็นญาติของกำนัน ก็ได้ เขาพาเดินขึ้นบ้านมาแล้วสอบถามว่า ขอโทษคุณเป็นใครครับ เป็นญาติกับกำนันใช่ไหม “ใช่จ้า ครู ฉันเป็นญาติกำนัน ฉันชื่อนีนะจ้ะ ปีก่อนมีคนส่งฉันเข้าประกวดได้รับรางวัลมาแล้ว” แล้วมีธุระอะไรกับฉันหรือ ถึงมาหาดึกดื่นอย่างนี้ สุชาตถามหญิงสาวสวยยามวิกาล ออกไปอย่างสงสัย เธอชม้ายตาหวานมาให้เขา รอยยิ้มของเธอ สวย และหวานอย่างเหลือเกิน “มีซิจ้ะคุณครู ฉันรักครู ฉันรักคุณครูจ้ะ ให้ฉันอยู่กับคุณครูนะจ้ะ” อย่า! อย่าทำแบบนี้นะหนู หนูเป็นผู้หญิงยิงเรืออยู่ จะมา จะมาขออยู่กับผู้ชายได้อย่างไร ไม่ได้หรอก กำนันเอาฉันตายแน่ ฉันไม่ใช่คนถิ่นนี้จะมาทำอะไร ๆ เป็นการลบหลู่ดูหมิ่นเขาไม่ได้หรอก เธอกลับไปเสียก่อนเถ้อะ มีอะไรค่อยมาพูดกันวันหลัง มันไม่ดีนะ เธอ เป็นหญิง ฉันเป็นชายจะมาหากันยามวิกาลอย่างนี้ ไม่ดี นะ เธอนั่นแหละจะเสียหาย “โธ่! ครู ขา อย่าไปคิดอะไรมาก เลย ฉันรักครูจริง ๆ จ้ะ ฉันแอบมอง ครูมาตั้งแต่วันแรกแล้วนะ ให้ฉันรักครูนะ เธอพูดเสียงเย็นยะ (ละ) เยียบชอบกล” หมาใต้ถุนบ้านส่งเสียงหอน รับกันเป็นทอด ๆ แม้ผู้หญิงจะให้ท่าอย่างไร สุชาตก็ไม่อาจจะทำอะไรเกินเลยได้ เขารู้ดีว่า เป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง ชาวบ้านให้การนับถือเขามาก (กระแอม) ใจจริงเขาก็นึกชอบผู้หญิงคนนี้ อยู่หรอก แต่ความรู้จักผิดชอบชั่วดี ของครูที่ . . (?) ทำให้เขาต้องฝืนใจ ลากแขนเธอ ลงจากบ้าน แต่พอมือถูกเนื้อของเธอ เขาก็พูดว่า ตัวเธอเย็นเจี๊ยบเหมือนน้ำแข็ง แต่เขาก็คิดว่า เธออาจจะเดินลัดเลาะมาถูกน้ำค้าง เอาก็ได้ “ไม่ได้หรอก เชื่อฉันเถอะ รักฉัน กลางวันค่อยมาหานะ” กลางวัน “โธ่ครูฉัน ฉันมาหาครูไม่ได้หรอก กลางวันน่ะ” ทำไมหรือ? สุชาตถามอย่างแปลกใจ “ฉันมาหาครูไม่ได้หรอกหน่า เวลาแสงอาทิตย์ขึ้นจากฟ้าแล้ว ฉันไปไหนไม่ได้หรอก” เธอพูดเป็นปริศนาให้ครูหนุ่ม ครุ่นคิด แต่เขาก็พยายามเดินมาส่งเธอ เธอยอมเชื่อฟัง เดินหายลับเข้าไปในดงกล้วยหลังบ้าน สุชาตยกมือขยี้ตา คิดว่าตาฝาดไปซะอีก รุ่งเช้า ชายหนุ่มก็ไม่รีรอตรงไปยังบ้านกำนัน ไปสอบถามดูว่า กำนัน มีญาติสาวชื่อว่านี หรือไม่ “เอ่ะ ญาติสาวของผมชื่อนี ไม่มีนะ ผมไม่มีหลานสาวชื่อนีเลยสักคน มีแต่เอื้อ . .” กำนันพูดค้างไว้แค่นั้น “แต่อะไร หรือครับกำนัน” กำนัน (?) ก้มหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ยิ่งคิดก็ยิ่งแน่ใจว่า “เธอบอกว่าเธอเคยประกวดธิดาเกษตรปีก่อน ได้รับรางวัล” สุชาติพูด, ใช่ ผมเคยส่งกล้วยตานีเข้าประกวด ได้รับรางวัล ผมนึกอะไรออกแล้วหล่ะครู ครูต้องถูกวิญญาณนางตานีหลอกหลอนเอานะ แล้วกำนันก็เล่าให้ครูหนุ่มฟังว่า ในสวนกล้วยหลังบ้าน มีกอกล้วยตานีกอใหญ่อยู่กอหนึ่ง มีมานาน แล้ว ตั้งแต่ปู่ย่าตายาย มันแตกหน่อสืบพันธุ์มาชั่วลูกชั่วหลาน ไม่มีใครกล้าไปทำอะไรมันได้ เพราะใคร ๆ ไปตัด ไปขุด จะมีอันจะเป็น เจ็บป่วยเจียนตาย จึงไม่มีใครกล้าไปแตะต้อง ปีก่อนมันออกกล้วย กล้วยของมันสวยมาก ใครเห็นก็ชอบใจ กำนันจึงส่งเข้าประกวดงานเกษตรในอำเภอ ได้รับรางวัลมา นับตั้งแต่นั้นมาก็มีคนมาบอกว่า เจอผู้หญิงสาว ๆ ในดงกล้วยประจำ พอสุชาตได้ฟังขึ้นมา เล่าจบ เขาก็แทบจะไม่เชื่อว่ามันจะเป็นไปได้ “จริงหรือกำนัน”, “ใช่แล้วครับ ต้องใช่แน่ ๆ เพราะกลางดึกอย่างนั้น ผู้หญิงที่ไหนจะไปหาครู” สุชาตขนลุกเกรียว วันต่อมาเขาก็ขนของออกจากบ้านนั้นทันที เพราะขืนอยู่ต่อไป เขาต้องถูกรบกวน จากปีสาจแม่นางตานีไม่หยุดหย่อน เป็นแน่ เขาย้ายไปพักกับเพื่อนที่ตัวอำเภอ เพราะชาวบ้านต่างก็ยืนยันว่า กอกล้วยตานีกอแห่งนี้ มีมานานแล้ว มีนางตานีออกมาหลอกหลอนผู้คนอยู่เสมอ จนต้องตั้งศาลเซ่น (เช่น)ไหว้ วิญญาณของนางตานีไม่ได้หนีไปไหน คงวนเวียนอยู่แถวนั้น บ้านกำนันก็เลยเป็นบ้านร้างอยู่ต่อไป

ความจาก เทปเสียง นั้น

ไฟล์เสียง จากเว็บไซต์ ฟังธรรม, ข้อมูล วีดิทัศน์ พัฒนาแล้ว ไปจากชื่อนั้น

วันที่ ๒๐ ธันวาคม ............



“อย่าได้เห็นแต่ผิด อย่างนั้น เท่านั้น”

“ทุกท่านจงฟังดูเถิด ฟังความที่เป็นบทประเสริฐ ของพระเจ้าแผ่นดินของเรา ที่ให้พวกเรารู้จักความหมายที่ควรใส่ใจ, แล้วพวกท่านก็ควรจะเห็นว่า ข้าพเจ้าก็อาจเป็นคนหนึ่ง ที่อาจกระทำสิ่งดีต่าง ๆ เพื่อบ้านเพื่อเมืองของเราได้, ฉะนั้น จงอย่าหาให้เห็นแต่ทางหมิ่นประมาทต่อกันอีก ให้มากเกินนัก”


“กระทั้งที่พวกท่านเอง ก็เห็นอยู่ ว่าเราไม่ได้กระทำความไร้สาระอะไรอีกเลยแม้แต่น้อย ในเมื่อเวลา ตลอดเวลาที่เราได้กระทำความดี มาอย่างนี้แล้ว, ฉะนั้น ต่อไป พวกท่านทั้งปวง ก็จงได้แต่นำคำประเสริฐ เช่นเฉพาะ ก็แต่คำของพระเจ้าแผ่นดินของเรา ที่พระองค์ได้ตรัสสอนราษฎรของพระองค์เองแล้ว ว่าทุกคน ควรที่จะกระทำตนเป็นพลเมืองดี ให้แก่บ้าน แก่เมือง ของตนเอง อย่างไร”


“พวกเรา หรือใครก็ตาม ควรแต่ได้ดูบ้างว่า เรากระทำการสอบถาม และอธิบายดีอย่างไร และระวังอย่างไร ในทางที่จะกระทำออก ไปด้วยการที่จะไม่ว่าร้าย และด้วยการไม่พูดอะไร ที่เป็นการไม่จริง”


ครอบครัว สังคม ประเทศชาติ


Menu · Home · Services · Book Coverage


ความประพฤติ ทัศนคติ